ปรับพฤติกรรมกรดไหลย้อน, ยา curma max ยากรีนเคอมิน ยากรดไหลย้อน, เคอม่า แม็กซ์, กรีนเคอมินราคา, เคอม่าแม็กซ์ราคา, กรีนเคอมิน, green curmin, curma max, เคอม่าแม็กซ์, ยารักษากรดไหลย้อน,ยาโรคกระเพาะอาหาร, หูรูดหลอดอาหาร, กระเพาะอาหารอักเสบ, แผลในกระเพาะอาหาร, ท้องอืด กรดไหลย้อน, ยาแก้ท้องอืด, ยาลดกรดไหลย้อน,แสบร้อนกลางอก, แน่นท้อง

10 เทคนิคหายขาดจากโรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อน หรือ Gastroesophageal reflus disease (Gerd)

โรคกรดไหลย้อน เป็นโรคที่มีลักษณะอาการกรดออกมาขณะย่อยอาหารมากเกินไป จากนั้นหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างมีการคลายตัวผิดปกติ ทำให้มีปริมาณกรดส่วนหนึ่งไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารส่งผลให้มีอาการแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว แสบคอ ขมคอ จนกระทั่งรบกวนเวลานอน การทำงาน รวมทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน

เมื่อเราได้รับรู้แล้วว่าเป็นภาวะกรดไหลย้อน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้การรักษานั้นได้ผลและเห็นผลประสิทธิภาพที่ดี ตลอดจนช่วยบรรเทาอาการให้ลดลงอีกด้วย

โรคกรดไหลย้อน เกิดขึ้นได้อย่างไร

โรคกรดไหลย้อนเป็นภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรด ไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของหูรูดส่วนปลายหลอดอาหาร โดยเกิดจากการที่มีความดันของหูรูดต่ำหรือหูรูดเปิดบ่อยกว่าปกติ ทำให้กรดในกระเพาะอาหารสามารถไหลย้อนกลับขึ้นมาในหลอดอาหารได้ หรือผู้ที่เป็นโรคไส้เลื่อนกะบังลมทำให้กระเพาะอาหารบางส่วนเลื่อนเข้าไปอยู่ในช่องอก มีโอกาสเกิดการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น หรือเกิดจากความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหารทำให้อาหารค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานกว่าปกติ เพิ่มโอกาสในการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะอาหารสู่หลอดอาหาร 

วิธีสังเกตอาการของโรคกรดไหลย้อน สามารถสังเกตง่ายๆ เราจะแสบร้อนที่หน้าอก ซึ่งจะเป็นมากหลังรับประทานอาหารมื้อหนัก มีน้ำรสเปรี้ยวหรือขมย้อนขึ้นมาในลำคอ หรือ ปาก ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน หลังรับประทานอาหาร หรืออาจจะมีอการหืดหอบ ไอแห้งๆ เจ็บคอร่วมด้วย เพราะกรดไหลย้อนขึ้นมาบริเวณกล่องเสียงทำให้กล่องเสียอักเสบได้ บางรายอาจจะมีปัญหาเรื่องของฟันตามมา เนื่องจากกรณีที่ไหลย้อนมา

นอกจากนี้พบว่าอาจเกิดจาก โรคอ้วน การตั้งครรภ์ หรือการใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาหอบหืด ยารักษาความดันบางชนิด ยารักษาโรคซึมเศร้า และการสูบบุหรี่

10 วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหายขาดได้

  1. เลิกบุหรี่ เพราะสารบางชนิดในบุหรี่จะเพิ่มโอกาสภาวะกรดไหลย้อนด้วยกลไกต่าง ๆ อย่างเช่นกระตุ้นการสร้างกรดในกระเพาะอาหารทำให้การทำงานของหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างมีประสิทธิภาพแย่ลง
  2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด ซึ่งมีส่วนช่วยให้ลดการหลั่งกรดให้น้อยลง หรืออาจจะทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น นั่งสมาธิ นอนหลับ อ่านหนังสือเล่มโปรด เรียกว่าทำอะไรก็ได้ที่ช่วยให้ลดความเครียด
  3. นั่งตัวตรง เมื่อรับประทานอาหารเสร็จให้ยืนหรือนั่งตัวตรงอย่างน้อยประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง เพื่อรอให้อาหารย่อยผ่านกระเพาะอาหารเรียบร้อยเสียก่อน
  4. ไม่กินอิ่มเกินไป ควรแบ่งอาหารในแต่ละวันให้เป็นมื้อเล็กๆ จำนวน 6 มื้อ หรืออาหารมื้อหลัก 3 มื้อเล็กๆ และอาหารว่างเสริมอีก 3 มื้อ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากเกินไป เป็นการช่วยลดอาการแสบร้อนกลางอกจากภาวะกรดไหลย้อนได้อีกทางหนึ่ง
  5. เคี้ยวอาหารช้า เมื่อเรารับประทานอาหารเร็วแล้วเคี้ยวอาหารน้อยลง จะทำให้ระบบทางเดินอาหารต้องทำงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้อาหารไม่ย่อยจนกระทั่งท้องอืดและเกิดภาวะกรดไหลย้อนตามมา ดังนั้นเราจึงควรรับประทานคำเล็ก ๆ และเคี้ยวอาหารให้ละเอียดช้าๆ ก่อนกลืนเสมอ
  6. หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นกรดไหลย้อน ได้แก่ อาหารทอดมัน ๆ เนื้อสัตว์ติดมัน ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมันเนย ช็อกโกแลต เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารรสจัด รวมทั้งพืชผักบางชนิดอย่างเช่น กระเทียม หัวหอม และมะเขือเทศ เป็นต้น
  7. ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ เนื่องจากเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปอาจทำให้เกิดการบีบกระเพาะอาหารจนดันกรดและอาหารผ่านหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างไหลย้อนขึ้นมา
  8. หนุนศีรษะให้สูง ควรหลีกเลี่ยงการนอนหงายราบไปกับเตียง แต่ให้หนุนศีรษะสูงประมาณ 6 นิ้ว โดยใช้หมอนรูปลิ่มหนุนศีรษะและไหล่ เพื่อช่วยลดแรงกดจากกระเพาะอาหารที่จะดันให้กรดกับอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมา
  9. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะช่วยเพิ่มปริมาณการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร และมีผลทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างเกิดการคลายตัว
  10. ไม่ควรนอนหลังมื้ออาหารทันที หลังรับประทานอาหารแล้วควรรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง และพยายามหลีกเลี่ยงอาหารมื้อดึก เพราะการนอนขณะที่กระเพาะอาหารยังอัดแน่นไปด้วยอาหาร จะทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนล่างคลายตัวแล้วเกิดภาวะกรดไหลย้อนตามมา

นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อห่างไกลจากกรดไหลย้อนทั้ง 10 วิธีนี้แล้ว ควรหมั่นสังเกตอาการของตนเองเป็นประจำ เพื่อช่วยลดการกลับมาเป็นซ้ำบ่อย ๆ แต่ถ้ายังมีอาการรุนแรงมากขึ้นหรือรับประทานยาแล้วไม่หาย ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมในลำดับต่อไป

การดื่มน้ำช่วยระบบทางเดินอาหาร และระบบย่อยอาหาร ทำให้การทำงานของระบบได้ดีขึ้นเป็นปกติ

ข้อมูลอ้างอิง